วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

สรุป จากการชมคลิป

Edit Posted by with No comments



คำถาม M-Commerce .ในอนาคตสามารถทำอะไรได้บ้าง
®ความแพร่หลายของเครื่องลูกข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่หาซื้อได้ง่าย และในปัจจุบันยิ่งมีความแพร่หลายมากขึ้น
®กระบวนการรักษาความปลอดภัย โทรศัพท์เคลื่อนที่ในปัจจุบันมี SIM การ์ด
®ความสะดวกในการใช้งาน นับวันการออกแบบผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นใหม่ ๆ

การช้อปปิ้งสินค้าผ่านทางอุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือ
ในนปัจจุบันนี้เราต้องยอมรับว่าสื่ออินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทในการประกอบธุรกิจและชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายสินค้าหรือบริการ การติดต่อสื่อสารระหว่างกัน การค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยนั้นกระแสความนิยมเกี่ยวกับเรื่องอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบขนาดกลาง (SME) และรายย่อยหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับช่องทางธุรกิจใหม่นี้รวมถึงการทำธุรกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก

M-Commerce คือ การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม หรือการเงิน โดยผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือการค้าขายตามระบบแนวความคิดของระบบการค้าอิเล็กทรอนิกส์ E-Commerce ที่ใช้อุปกรณ์พกพาไร้สายเป็นเครื่องมือในการสั่งซื้อ และขายสินค้า ต่างๆ ทั้งการสั่งซื้อสินค้าที่เป็นรูปธรรม หรือนามธรรม รวมทั้งการรับ-ส่งอีเมล์ สิ่งที่น่าสนใจ คือ โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถพกพาไปได้ทุกที่ไม่จำกัดทำให้ตลาดการค้าออนไลน์ หรือการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่

คำถาม สรุป ข้อดี ข้อเสีย ของ Cloud Computing 
ข้อดีของ Cloud Computing


1) ลดต้นทุนค่าดูแลบำรุงรักษาเนื่องจากค่าบริการได้รวมค่าใช้จ่ายตามที่ใช้งาน จริง เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าซ่อมแซม ค่าลิขสิทธิ์ ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าอัพเกรด และค่าเช่าคู่สาย เป็นต้น

2) ลดความเสี่ยงการเริ่มต้น หรือการทดลองโครงการ

3) สามารถลดหรือขยายได้ตามความต้องการ

4)ได้เครื่องแม่ข่ายที่มีประสิทธิภาพ มีระบบสำรองข้อมูลที่ดี มีเครือข่ายความเร็วสูง

5) อยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ


ข้อเสียของ Cloud Computing

1) จากการที่มีทรัพยากรที่มาจากหลายแห่ง จึงอาจเกิดปัญหาด้านความต่อเนื่องและความรวดเร็ว

2) ยังไม่มีการรับประกันในการทำงานอย่างต่อเนื่องของระบบและความปลอดภัยของข้อมูล

3) แพลทฟอร์มยังไม่ได้มาตรฐาน  ทำให้ลูกค้ามีข้อจำกัดสำหรับตัวเลือกในการพัฒนาหรือติดตั้งระบบ site

4) เนื่อง จากเป็นการใช้ทรัพยากรที่มาจากหลายที่หลายแห่งทำให้อาจมีปัญหาในเรื่องของ ความต่อเนื่องและความเร็วในการเข้าทรัพยากรมากกว่าการใช้บริการHost ที่ Local หรืออยู่ภายในองค์การของเราเอง


RFID 

บริษัท คอมพิวเตอร์ เพอริเฟอรัล แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด
บริษัท คอมพิวเตอร์ เพอริเฟอรัล แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านงานพิมพ์และงานในระบบ Auto-ID สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีในการทำงานร่วมกับหน่วยงานขนาดใหญ่ของทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจและเอกชน ให้บริการหลักด้านโซลูชั่นงานพิมพ์ทั้งระบบความเร็วสูงและระบบงานพิมพ์แบบต่อเนื่อง เช่น เครื่องพิมพ์ความเร็วสูงชนิด LINE Printer เครื่องพิมพ์ High Speed LASER Printer พร้อมทั้งบริการออกแบบโซลูชั่นและจัดหาอุปกรณ์ในระบบ Auto-ID ทั้งหมด เช่น เครื่องพิมพ์และเครื่องอ่านข้อมูล Barcode เครื่องบันทึกข้อมูล เครื่องถอดรหัส และเครื่องพิมพ์บัตรที่รองรับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ในรูปแบบ ของ RFID บัตรอัจฉริยะ (Smart Card) และบัตรแถบแม่เหล็ก

บริษัท คอมพิวเตอร์ เพอริเฟอรัล แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในช่วงยุคสมัยที่คอมพิวเตอร์มีบทบาทสำคัญในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย จึงได้นำระบบงานพิมพ์สำหรับองค์กรเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยติดต่อกับผู้ผลิตเครื่องพิมพ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ชั้นนำในต่างประเทศ รวมถึงระบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมงานพิมพ์ทั้งหมด

จากประสบการณ์การทำงานร่วมกับลูกค้าในองค์กรขนาดใหญ่มานาน ทำให้บริษัท เข้าใจความต้องการและมองเห็นปัญหาของลูกค้า ปัจจุบัน บริษัทฯ จึงเติบโตและกลายเป็นผู้นำด้านงานพิมพ์ทั้งในรูปของ Impact Line printer, High Speed Laser printer และการบริการ Auto-ID รวมถึง Barcode RFID สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ในประเทศไทย

สินค้าและบริการ

1.High Speed Printers บริการทางด้านระบบจัดการการพิมพ์และจัดจำหน่ายเครื่องพิมพ์ความเร็วสูงเพื่อการใช้งานสำหรับองค์กร ทางด้าน Line Printer และ Laser Printer
2.Consumable Products บริการจำหน่ายวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้ในงานพิมพ์ทุกประเภท
3.Auto-ID Solutions บริการระบบเครื่องพิมพ์ บาร์โค๊ด เครื่องตรวจสอบข้อมูลจากแถบรหัสข้อมูลทั้งชนิดบาร์โค้ด 1 หรือ 2 มิติ และระบบ RFID (Radio Frequency Identification) พร้อมจำหน่ายอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำงาน


Radio Frequency Identification (RFID)


เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ระบุข้อมูลที่เป็นเฉพาะตัว ของบุคคล สัตว์ สิ่งของ หรือสินค้าต่างๆ โดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ
 เพื่อวัตถุประสงค์สามารถอ่านได้จากระยะทางไกล, สามารถรับ-ส่ง ข้อมูลด้วยความเร็วสูงโดยไม่ขึ้นกับทัศนวิสัย 
และไม่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์บ่งชี้นั้น ปัจจุบันนำมาใช้ เป็นบัตรเงินสด บัตรประจำตัวพนักงาน บัตรโดยสาร ป้ายสำหรับติดสินค้า

บริษัทมีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาระบบที่ใช้กับเทคโนโลยี RFID พร้อมทั้งสามารถจัดหาอุปกรณ์ (Hardware)

 ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ในการใช้งานประเภทต่างๆได้ เช่น ระบบบัตรสมาร์ทการ์ด (Smart Card) 
ที่เป็นกระเป๋าเงินอีเลคโทรนิคส์ หรือ E-Purse ระบบผ่านเข้าออก ระบบชำระเงิน ระบบส่งเสริมการขายต่างๆ 
ซึ่งปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่หลายแห่งและบริษัทต่างๆ ใช้งานระบบที่พัฒนาโดย TBSP
องค์ประกอบของระบบที่ใช้งาน  RFID
          1. Tag/Transponders ใช้ติดกับวัตถุต่างๆ ที่เราต้องการการบ่งชี้ เช่นบัตร, ป้าย, กุญแจ และอื่นๆ
          2. Interrogator/Reader เครื่องอ่าน Tag
          3. ระบบการทำงาน ประกอบด้วย Hardware และ Software ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานนั้นๆ เช่น
 เครื่องคอมพิวเตอร์,ระบบข้อมูลสินค้า
Bar code

บาร์โค้ด คือ เครื่องหมายแทนข้อมูลที่เครื่องจักรสามารถอ่านได้ โดยเริ่มแรกมีลักษณะรูปแบบเป็นแท่ง หรือเส้นขนานหลายๆ เส้นใน 1 มิติที่มีความหนาต่างกันเรียงต่อกัน ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตจะถูกติดบาร์โค้ดไว้และจะถูกอ่านค่าด้วยเครื่องอ่านบาร์โค้ด ณ จุดชำระเงิน เพื่อคิดเงินสินค้านั้นๆ



QR code

เนื่องจากข้อจำกัดของบาร์โค้ดแบบแท่ง ซึ่งเก็บค่าตัวเลขหรือตัวอักษรได้ค่อนข้างจำกัด จึงมีการพัฒนา บาร์โค้ด 2 มิติ ขึ้นมาเพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น QR code เป็นหนึ่งในบาร์โค้ด 2 มิติที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน โดยนำมาใช้เก็บข้อมูล URL ที่อยู่เว็บไซต์, ข้อความ, เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลตัวอักษรต่างๆ


บทที่ 8

Edit Posted by with No comments
คำถามทบทวนบทที่ 8 


1. ยกตัวอย่างการใช้การพานิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในธุรกิจบริการมา 5 ประเภท อธิบายมาพอสังเขป
   1)ธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นธุรกิจธนาคารที่เปิดเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้บริการด้ารธุรกรรมทางการเงินแก่ลูกค้าผ่านระบบออนไลน์ เช่น บริการโอนเงิน ตรวจสอบยอกเงิน การลงทุน การเติมเงินผ่านมือถือและการยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อ เป็นต้น
   2)การชำระเงินออนไลน์ เป็นบริการด้านการเงินอีกรูปแบบหนึ่งผ่านนทางเว็บไซต์ที่กำลังได้รับความนิยม เช่น ธุรกิจธนาคาร ธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจค้าส่ง ธุรกิจแฟรนไชส์ หรือแม้แต่สถาบันการศึกษา
   3)บริการตลาดนัดแรงงาน เป็นธุรกิจจัดหางาน โดนธุรกิจนี้จะเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อให้ผู้สมัครงาน สามารถ่สงประวัติค้าหาและสมัครงานในตำแหน่งบริษัทหรือประเทศที่ตนต้องการได้
   4)บริการการเดินทางและการท่องเที่ยวออนไลน์ เป็นธุรกิจให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางและการท่องเที่ยว ซึ่งในบางเว็บไซต์ยังรวมถึงการให้บริการข้อมูลที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร เส้นทางการเดินรถ การจองตั๋วเครื่องบิน และบริการวางแผนท่วงเที่ยว
   5)ชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสถานที่ที่อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่รวบรวมข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่งไว้ และอนุญาตให้ผู้ที่สนใจในเรื่องนั้นเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้

2. จงบอกข้อดีของการตลาดนัดแรงงานด้านผู้ประกอบการและผู้บริโภคมาอย่างน้อยละ 3 ข้อ
   ด้านผู้ประกอบการ 
1)สามารถลงประกาศรับสมัครงานได้สะดวกรวดเร็วและยังเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทั่วถึง
                          2)ประหยัดค่าใช้จ่ายในการประกาศรับสมัครงานเมื่อเปรียบเทียบกับการโฆษณาแบบเดิม
                              3)สามารถนำแบบฟอร์มสมัครงานฝากไว้กับเว็บไซต์ตลาดนัดแรงงานอิเล็กทรอนอกส์ได้โดยผู้สมัครเพียงแต่ดาวโหลดไปใช้งานทำให้ประหยัดต้นทุนและเวลา
          ด้านผู้บริโภค 1)สามารถค้าหาข้อมูลตำแหน่งงานว่างที่ตนสนใจได้อย่างทั่วถึง
                             2)สามารถติดต่อกับผู้ประกอบการได้โดยตรงและรวดเร็ว
                             3) สามารถสมัครงานได้โดยไม่ต้องเดินทางไปยังที่ทำการจึงช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

3. จงบอกข้อดีของการบริการการเดินทางและการท่องเที่ยวออนไลน์ พร้อมยกตัวอย่างเว็ปไซต์ที่ให้บริการการท่องเที่ยวแบบออนไลน์ที่ผู้เรียนสนใจ 3 ตัวอย่าง
ข้อดีของเว็บไซต์บริการการเดินทางและการท่องเที่ยวคือ สามารถทำให้ผู้เดินทางสะดวกในการตั้งเป้าหมายในการเดินทาง การหาตั๋วเครื่องบิน โรงแรม รถเช่า เป็นต้น
เว็บไซต์
https://www.skyscanner.co.th/
http://www.trekkingthai.com/wordpress/
http://www.sadoodta.com/

4. จงยกตัวอย่างบริการสื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ (Online Publishing) มา 3 เว็ปไซต์ ให้อธิบายข้อดีและข้อเสียของเว็ปไซต์ที่ให้บริการ สื่อสิ่งพิมพ์ออนไลน์ดังกล่าวหร้อม capture หน้าเว็ปในการประกอบการอธิบาย


5. ให้ผู้เรียนเข้าใช้บริการการเดินทางและการท่องเที่ยวออนไลน์(Travel and Tourism Service Online) จากเว็ปไซต์ใดๆ ที่ให้บริการการเดินทางและการท่องเที่ยว โดยสรุปรายละเอียดเครื่องมือต่างๆ ที่เว็บไซต์นำเสนอ ประโยชน์ที่ผู้เรียนได้รับจากการเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์ดังกล่าว
    เว็บ https://www.skyscanner.co.th/ โดยเว็บไซต์นี้จะทำการหาตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และรถ ให้กับนักท่องเที่ยว มีเครื่องมืออยู่ 3 เครื่องมือหลัก คือ Flights  Hotels  Car Hire เครื่องมือ Flights จะทำการหาตั๋วเครื่องบินให้กับผู้ใช้บริการโดยสามารถใส่วันที่และเวลาได้ เครื่องมือ Hotels เป็นเครื่องมื่อที่จะหาห้องพักโรงแรมให้กับผู้ใช้บริการ สามารถเลือก ได้ว่าจะจองวันไหนที่ไหน เครื่องมือ Car Hire คื่อเครื่องมื่อที่ช่วยในการหารถเช่าให้กับผู้ใช้บริการ สถานที่ที่เปิดให้เช่ารถ เป็นต้น


6. สิ่งที่ผู้ประมูลออนไลน์ต้องจัดเตรียมในการใช้บริการการประมูลออนไลน์คืออะไรบ้าง
สิ่งที่ผู้ประมูลจะต้องจัดเตรียมมาในการประมูลออนไลน์คือ ชื่อและข้อมูลทางการเงินของผู้เข้าประมูลเช่นบัญชีธนาคาร พร้อมทั้งความรู้ในการประมูลสินค้าซึ่งสามารถหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ

7. จงอธิบายข้อแตกต่างของการประมูลแบบ English Auctions และ Traditional Dutch Auctions
 English Auctions การประมูลแบบเปิด รายการเดียวสำหรับการขายจากผู้ขาย เพียงคนเดียว ผู้ซื้อหลายๆรายเสนอราคาที่เพิ่มสู้ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่มีผู้ซื้อรายใดเสนอราคาที่สูงกว่านี้
Traditional Dutch Auctions ผู้ขายสินค้าหลายรายการที่ขายเป็นจำนวนมากมีราคาและเวลาเริ่มต้น สำหรับการเปิดประมูลของการเสนอราคา โดยเสนอราคาเริ่มต้นการประมูลที่สูงมาก เมื่อการประมูลราคาผ่านไปราคาแต่ละของสินค้าที่ร่วมประมูลจะลดลงจนกระทั่งถึงราคาที่ผู้ซื้อพอใจและเสนอซื้อในราคานั้นๆ

8.ยกตัวอย่างเว็บไซต์ที่เป็นชุมชนอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Community: e-Community)
Facebook.com
Google+
pantip


วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

แบบฝึกหัด

Edit Posted by with No comments


แบบฝึกหัด 


จงอธิบายรูปแบบการโฆษณาบนเว็บดังนี้ พร้อมทั้งยกตัวอย่างประกอบ

1.การโฆษณาผ่านทางแบนเนอร์

                    แบนเนอร์ คือ รูปแบบหนึ่งของการโฆษณาบนเวิลด์ไวด์เว็บ เป็นการวางภาพโฆษณาลงไปบนหน้าเว็บแล้วทำไฮเปอร์ลิงก์กลับไปยังเว็บที่โฆษณา ด้วยจุดประสงค์เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมให้เข้าไปยังเว็บไซต์ที่โฆษณานั้นผ่านการคลิก เว็บแบนเนอร์สร้างขึ้นจากไฟล์รูปภาพทั่วไปและอาจมีการใช้ภาพเคลื่อนไหว เสียง หรือวิดีโอมาผสมผสานเพื่อนำเสนอให้โดดเด่นมากที่สุด

2.การโฆษณาผ่านทางป๊อบอัพ

                    เป็นรูปแบบการโฆษณาประเภทหนึ่งที่มีอัตราการคลิดสูงกว่าป้ายโฆษณาทั่วโลก13 เท่า (ในช่วงปีพ.ศ.2546) นักการตลาดและโฆษณานิยมอย่างมากโดยมีลักษณะที่โฆษณาจะปรากฏขึ้นโดยอัตโนมัติอีกหน้าต่างหนึ่ง



3.ารโฆษณาผ่านทางอีเมลล์

                    จดหมายอิเล็กทรอนิกส์และจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้จดหมายข่าวอิเล็คทรอนิกส์ เปรียบเสมือนสิ่งพิมพ์ที่จัดทำโดยบริษัทหรือบุคคล เพื่อส่งไปยังผู้ที่ใช้ข้อมูลหรือที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็คทรอนิกส์มาเป็นช่องทางที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่เป็นสมาชิกพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับหัวข้อประเด็นต่างๆ โดยผู้ที่ต้องการมีส่วนร่วมสามารถส่งข้อความไปยังคนกลางหรือส่งไปยังที่อยู่กลาง ซึ่งจะสามารถส่งข้อความดังกล่าวไปยังสมาชิกทุกคนโดยอตัโนมัต




4.การโฆษณาผ่านทาง URL

                    ฟรีค่าใช้จ่ายหรือค่าใช้จ่ายต่ำลงทะเบียนเพื่อโฆษณาการค้นหาต้องตรงกับในการลงทะเบียนมิฉะนั้นอาจจะค้นหาไม่พบมีข้อจำกัดในเรื่อง ลำดับเว็บไซต์กับความสนใจของผู้ใช้งาน




5.การโฆษณาผ่านห้องสนทนาและบล๊อก

                    การทำโฆษณาผ่านทางเว็บบอร์ดหรือห้องแชท กล่าวคือ ผู้สนทนาสามารถตอบโต้ระหว่างกันได้ในเวลาที่เกิดขึ้นจริง โดยไม่ต้องเผชิญหน้ากัน ดั้งนั้นห้องสนทนาจึงเป็นเครื่องมือสำหรับการโฆษณาไม่เเตกต่างจากเเบนเนอร์




 6.การโฆษณาผ่านเกมส์ออนไลน์

                    โฆษณา เป็นการประกาศสินค้าหรือบริการที่ต้องการให้ประชาชนโดยทั่วไปทราบ จุดมุ่งหมายก็เพื่อให้คนทั่วไปรู้จักสินค้าหรือการบริการนั้น ในอดีตการเริ่มต้นของการโฆษณาจะเป็นลักษณะของการร้องป่าวประกาศเชิญชวน ปัจจุบันการโฆษณาทำได้ตามสื่อต่างๆ เช่น สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ เป็นต้น โดยเจ้าของกิจการจะว่าจ้างบริษัทรับทำโฆษณา เพื่อทำการโฆษณาสินค้าและบริการในสื่อต่างๆ เช่น ป้ายโฆษณากลางแจ้งตามถนนสายหลัก ซึ่งเป็นสื่อที่ช่วยประหยัดงบประมาณได้และสามารถตอกย้ำตราสินค้าได้อีกทางหนึ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

สรุปบทที่ 3

Edit Posted by with No comments
สรุปบทที่ 3


การสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Data Communications)

สรุปบทที่ 1

Edit Posted by with No comments
บทที่ 1
บทบาทการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการธุรกิจ



ความหมายและขอบเขตการจัดการธุรกิจ
       การบริการจัดการเป็นเทคนิคการทำงาน เป็นกระบวนการของวางแผนการจัดการ การกระตุ้น การควบคุมให้บรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน โดยใช้ทรัพยากรบุคคล และ อื่นๆ

วัตถุประสงค์ขององค์กรทรัพยากร
1. คน (Man) เป็นทรัพยากรแรกที่ก่อให้เกิดการดำเนินงานภายในธุรกิจ ซึ่งนับรวมทั้ง ฝ่ายบริหาร
                   และฝ่ายปฎิบัติการ
2. เงินทุน (Money or Capital) คือสินทรัพย์ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ อาจจะอยู่ในรูปของ
                    เงินสดหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ก็ได้
3. วัตถุดิบหรืออุปกรณ์ (Material) คืออาจจะเป็นรูปของวัตถุดิบถ้าธุรกิจนั้นเป็นธุรกิจการผลิต
                    เช่น เครื่องจักรกล วัสดุ อะไหล่ต่าง ๆ หรืออาจใช้ในการดำเนินงานให้ประสบผลสำเร็จได้
4. ข้อมูล (Information) คือ สถิติ ข่าวสาร และข้อมูล ต่างๆ ทั้งหมดภายในและภายนอกองค์การที่สนับสนุน

ระดับผู้บริหารในองค์กร ( Manager Level ) แบ่งได้ 3 ระดับ ดังนี้
1.       ผู้บริหารระดับสูง (Top Manager) ดูแลกำหนดทิศทางขององค์กร ด้านวิสัยทัศน์ นโยบาย เป็นการวางแผนในระยะยาว จะใช้การตัดสินใจในระดับกลยุทธ์ (Strategic planning ) 
2.       ผู้บริหารระดับกลาง ( Middle Manager ) รับนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงมาวางแผน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จะใช้การตัดสินใจในระดับยุทธวิธี (Practical planning ) 
3.       ผู้บริหารระดับปฏิบัติการ (Operational Manager) รับผิดชอบดูแลควบคุมด้านการปฏิบัติงานรายวัน โดยรับแผนปฏิบัติมาจากผู้บริหารระดับกลาง จะใช้การตัดสินใจระดับปฏิบัติการ (Operational planning )  

ประเภทของผู้บริหารแบ่งตามหน้าที่งาน

1. ผู้บริหารการผลิต
2. ผู้บริหารการตลาด
3. ผู้บริหารการเงิน
4. ผู้บริหารทรัพยกรบุคคล
5. ผู็บริหารทั่วไป

วิวัฒนาการของการใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ
                เทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์ มีวิวัฒนาการมาเป็นระยะๆทั้งนี้เป็นผลมาจากการคิดค้นและปรับปรุงเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้ทำงานดีขึ้น ดั้งนั้นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจย่อมจะต้องขึ้นกับวามก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่มีอยู่ในขณะนั้น ซึ่งพัฒนาการการใช้คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจในที่นี้จำแนกตามแนวคิดของสคูลทิลและซัมเมอร์ ซึ่งแบ่งได้เป็น ยุค ดังนี้

1.) ยุคประมวลผลข้อมูลหรือยุคดีพี (Data Processing Era : DP Era)สามารถสรุปได้เป็น ประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้
1.1) ลักษณะการใช้งานทั่วไป เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยงานด้านการประมวลผลข้อมูลหรือที่เรียกว่า ระบบประมวลผลรายการเปลี่ยนแปลง เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลรายการธุรกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเป็นจำนวนมากๆ
1.2) จุดมุ่งหมายของการใช้คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูลเพื่อช่วยลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ทั้งนี้เนื่องจากคุณสมบัติการประมวลผลที่ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วของคอมพิวเตอร์
1.3) รูปแบบของการประมวลผลข้อมูล ในระยะแรกมักจะทำงานแบบแบตซ์ แต่ในระยะต่อมามีแบบการทำงานแบบออนไลน์มากขึ้น โดยการประมวลผลแบบแบตซ์นั้นจะมีการรวบรวมข้อมูลจำนวนหนึ่งเพื่อรอประมวลผลในเวลาเดียวกัน ซึ่งต่างกับแบบออนไลน์ที่เมื่อมีข้อมูลเข้ามาจะถูกส่งเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อทำการประมวลผลทันที
1.4) เทคโนโลยีในยุคประมวลผลข้อมูล คอมพิวเตอร์ที่นิยมใช้ในยุคประมวลผลข้อมูลมักจะเป็นเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งหน่วยงานขนาดใหญ่โดยส่วนใหญ่จะใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์เป็นหลักในการทำงาน นอกจากนั้นก็มี มินิคอมพิวเตอร์ซึ่งนิยมใช้กับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
1.5) การบริหารจัดการงานคอมพิวเตอร์ องค์กรธุรกิจที่ใช้คอมพิวเตอร์ยุคประมวลผลข้อมูลเป็นลักษณะแบบรวมอำนาจ สำหรับองค์การขนาดใหญ่มักจะมีการจัดตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ หรืออาจจะเป็นฝ่ายคอมพิวเตอร์สำหรับองค์กรขนาดเล็กลงมา
1.6) การพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบสารสนเทศในยุคประมวลผลข้อมูลซอฟต์แวร์สำเร็จเพื่อนำไปใช้งานมีน้อยมากจึงต้องพัฒนาขึ้นเองโดยเป็นหน้าที่ของศุนย์คอมพิวเตอร์ ซึ่งจะมีบุคลากรที่มีความรู้ ความชำนาญในภาษาคอมพิวเตอร์และการพัฒนาระบบงาน

2.) ยุคเทคโนโลยีสารสนเทศหรือยุคไอที
                1.) ลักษณะการใช้งานทั่วไป จากการที่มีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเกิดขึ้น ทำให้การใช้คอมพิวเตอร์แพร่หลายในวงกว้าง            
                2.) การประยุกต์ในงานด้านอื่นๆ ในปัจจุบันมีการประยุกต์คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจในด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่งานประมวลผลข้อมูลหรืองานที่เกี่ยวกับตัวเลขเท่านั้นได้แก่
                3.) ระบบสารสนเทศในธุรกิจ มีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดทำระบบสารสนเทศภายในหน่วยงาน ทั้งนี้เนื่องจากความสามารถในการประมวลผลที่ถูกต้องมีความแม่นยำสูง ซึ่งจะเป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการช่วยจัดการรายการค้าและข้อมูลที่เกิดจาดธุรกรรมต่างๆ
                4.) โปรแกรมสำเร็จรูป ในยุคนี้โปรแกรมสำเร็จรูปมากมายซึ่งมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วไป โดยที่ผู้ใช้ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมเหล่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ความชำนาญ ผู้ใช้สามารถหาซื้อโปรแกรมสำเร็จรูปเพื่อมาใช้งานได้ในทันที
                5.) การบริหารจัดการคอมพิวเตอร์ หน่วยงานย่อยในธุรกิจมักมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลไว้ใช้งานภายในหน่วยงาน จะเป็นทั้งผู้ดูแลข้อมูลและอุปกรณ์ภายในงานของตน ซึ่งวิธีนี้จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการทำงานมากขึ้น

ลักษณะการใช้งานคอมพิวเตอร์ในธุรกิจ
                ถึงแม้ว่าแต่ละธุรกิจจะมีการแบ่งโครงสร้างขององค์กรที่แตกต่างกัน แต่การใช้งานคอมพิวเตอร์ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น ลักษณะดังนี้
1.) การใช้คอมพิวเตอร์ในภารกิจหลักของธุรกิจ
                          การใช้งานลักษณะนี้เป็นการใช้ทำงานระดับองค์กรในงานหลักของธุรกิจโดยการประยุกต์กับงานด้านต่างๆภายในองค์กร ได้แก่ งานการขายและการตลาด งานเงินและการบัญชี งานการผลิต และงานบริหารทรัพยากรบุคคล เป็นต้น
2.) การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานร่วมกัน
                การติดต่อสื่อสาร ซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดข้อมูลและข่าวสารไปสู่สมาชิกในกลุ่ม
1.)        การปฏิสัมพันธ์ เป็นการติดต่อสื่อสารกลับไปกลับมาระหว่างเพื่อนร่วมงานหรือสมาชิกในกลุ่มคณะทำงาน
2.)        การตัดสินใจและการแก้ปัญหา จะเป็นการระดมความคิดของสมาชิกในกลุ่มเพื่อช่วยกันตัดสินใจหรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจ
3.) การใช้คอมพิวเตอร์ในการทำงานส่วนบุคคล
                เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยการทำงานของบุคลากรแต่ละคนในองค์กร เช่น
1.)        งานด้านการพิมพ์และจัดทำเอกสาร
2.)        งานด้านการจัดทำจดหมาย
3.)        งานด้านการคำนวณ
นอกจากที่กล่าวมามีงานอีกจำนวนมากที่สามารถประยุกต์คอมพิวเตอร์ เพื่อช่วยผู้ใช้ในด้านอื่นๆ ทั้งนี้ขึ้นกับความจำเป็นและความสามารถในการประยุกต์ของแต่ละคน


การใช้สารสนเทศในระดับกลยุทธ์
                สารสนเทศที่ใช้ในระดับกลยุทธ์เพื่อตอบสนองผู้บริหารระดับสูง มักเป็นสารสนเทศทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่ สารสนเทศเกี่ยวกับการลงทุน  การเพิ่มสัดส่วนตลาดเพื่อให้มีกำรากขึ้นสารสนเทศระดับกลยุทธ์มักเป็นสารสนเทศที่ช่วยผู้บริหารใช้ในการวางแผนระยะยาวซึ่งจะมีผลต่อการปฏิบัติงานในระดับกลาง และระดับล่างต่อไป
                1.) คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางแผลกลยุทธ์
                                ผู้ใช้สารสนเทศในระดับกลยุทธ์ มักจะเป็นผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่รับผิดชอบต่อองค์กรในภาพรวมทั้งภายในและภายนอก ดังนั้นระดับกลยุทธ์มีคุณลักษณะ ประการต่อไปนี้
1.)        เป็นสารสนเทศที่มาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร
2.)        เป็นข้อมูลที่ไม่มีโครงสร้าง
3.)        เป็นสารสนเทศที่ใช้ในการพยากรณ์หรือประมาณการ
4.)        เป็นสารสนเทศที่จัดทำในรูปเชิงสรุป
5.)        เป็นข้อมูลที่ทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์
2.) แหล่งที่มาของสารสนเทศเพื่อการวางงแผลกลยุทธ์
                1.) สื่อสารมวลชน
                2.) การสำรวจหรือการวิจัยต่างๆ
                3.) สมาคมหรือสถาบันต่างๆ
                4.) การพูดคุยหรือพบปะสังสรรค์
                5.) ห้องสมุดหรือศูนย์บริการข้อมูล
                6.) การใช้บริการฐานข้อมูลเชิงพาณิช
                7.) อินเทอร์เน็ต
3.) การรวบรวมและจัดเก็บสารสนเทศเพื่อการวางแผนกลยุทธ์
                สำหรับการรวบรวมและจัดเก็บสารสนเทศในระดับกลยุทธ์มีได้ดังนี้
1.)        การบันทึกเทป
2.)        การทำกฤตภาค
3.)        การจัดทำเป็นดัชนี
4.) ตัวอย่างการสารสนเทศเพื่อการวางแผลกลยุทธ์
                                1.) กลยุทธ์ทางการเงิน เพื่อจัดทำแผนซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานขององค์กรทั้งนี้เพื่อให้องค์สามารถจัดหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆ ในต้นทุนที่ต่ำให้เพียงพอ
                                2.) การพยากรณ์ทางการเงินในระยะยาว เช่น ข้อมูลที่เกี่ยวกับการลงทุน ควรจะจัดหาทุนจากแหล่งใด จำนวนใด ข้อมูลต้นทุนของเงินที่จัดหามา ข้อมูลความเสี่ยงทางการเงินและควบคุมทุนในการลงทุน
                                3.) กลยุทธ์ทางการตลาด จุดมุ่งหมายก็เพื่อกำหนดแผนงานและนโยบายด้านการตลาดของกิจการ
5.) กลยุทธ์ทางการผลิต
ต้องคำนึงถึงแผนการลงทุนระยะยาวเกี่ยวกับการผลิต ได้แก่ การเลือกที่ตั้งโรงงานผลิต ความพร้อมและความสะดวกด้านสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ การเลือกสินค้าที่ผลิต เป็นต้น
6.) กลยุทธ์ทางทรัพยากรบุคคล
                                เป็นการจัดทำและรวบรวมสารสนเทศ เพื่อให้องค์กรมีบุคลากรที่มีคุณภาพมาทำงานในองค์กรในอนาคต ประกอบด้วยนโยบายการจ้างพนักงาน นโยบายเกี่ยวกับอัตราจ้างและค่าแรง นโยบายผลตอบแทนและสวัสดิการ เป็นต้น
การใช้สารสนเทศในระดับยุทธวิธี
                สารสนเทศในระดับยุทธวิธีประกอบด้วย ประเด็น คือ
                1.) คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธี แบ่งออกเป็น 4 ประการ ดังนี้
1.)        คุณลักษณะของสารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธีเป็นสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเพื่อผู้บริหารระดับกลาง
2.)        สารสนเทศภายในจะเกิดจากข้อมูลระดับปฏิบัติการที่จัดทำ
3.)        เป็นลักษณะเปรียบเทียบเพื่อใช้ในการสนับสนุนผู้บริหาร
4.)        เป็นสารสนเทศที่มาจากทั้งภายในและภายนอกองค์กร

2.) แห่งที่มาและการจัดเก็บสารสนเทศเพื่อการวางแผนยุทธวิธี
1.             สารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์กร สำหรับข้อมูลจากภายนอกองค์กรจะมีรายละเอียดเช่นเดียวกับสารสนเทศเพื่อการวางแผลกลยุทธ์ ส่วนข้อมูลภายในองค์กรมักมาจากข้อมูลในระดับปฏิบัติการ
2.             ข้อมูลด้านบุคลากร ได้แก่ ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของบุคลากร ประวัติการทำงาน การศึกษา อายุ อัตราค่าจ้าง เงินเดือน เป็นต้น
การใช้สารสนเทศในระดับปฏิบัติการ
                การใช้สารสนเทศในระบบปฏิบัติการนั้น มีวัตถุประสงค์ในการใช้สารสนเทศในการปฏิบัติงานระดับล่างโดยแบ่งเป็นประเด็นต่อไปนี้
                1.) คุณลักษณะของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการ
                                จุดประสงค์ของการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อเป็นการนำแผนยุทธวิธีมาขยายขั้นตอนและรายละเอียดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายแผนยุทธวิธี ผู้ที่จัดทำแผนปฏิบัติการคือผู้บริหารระดับล่าง ได้แก่ หัวหน้างาน หัวหน้าแผนก
                2.) แหล่งที่มาของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการ
 สำหรับแหล่งที่มาของสารสนเทศสำหรับแผนปฏิบัติการจะมาจากภายในองค์กรในระดับปฏิบัติที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจโดยการเก็บรวบรวมรายการค้าที่เกิดขึ้นประจำวันของธุรกิจ
               3.) การเก็บรวบรวมข้อมูล
การเก็บรวบรวมจะเป็นการเก็บรวบรวมในรูปของการใช้คอมพิวเตอร์จัดเก็บข้อมูล ซึ่งอาจจะเป็นแฟ้มข้อมูลหรือฐานข้อมูล เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน
               4.) ตัวอย่างการใช้สารสนเทศในการวางแผนปฏิบัติการ
1.             สำหรับงานขายและการตลาด
2.             สำหรับงานบัญชีและการเงิน
3.             สำหรับงานผลิต
การใช้คอมพิวเตอร์กับการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ
                คอมพิวเตอร์สามารถช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานในองค์กรธุรกิจเพื่อผลประโยชน์ทางการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้ 3 ลักษณะ
                1.) คอมพิวเตอร์กับการปรับปรุงประสิทธิผลของงานและการลดต้นทุนในการดำเนินงาน
                2.)การใช้คอมพิวเตอร์กับการปรับปรุงคุณภาพและลักษณะของสินค้าและบริการ
                3.) คอมพิวเตอร์กับการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานและสภาพแวดล้อมในการทำงาน